Blog

  • “ชีวิตหลังวงการ AV ของ อันริ โอคิตะ: เส้นทางใหม่ที่ยังคงแซ่บและน่าจับตามอง”

    **อดีตตัวแม่ AV อันริ โอคิตะ: ชีวิตหลังลาออกจากวงการ แต่ความเซ็กซี่ยังคงแซ่บไม่เปลี่ยน!**

    ในวงการหนังผู้ใหญ่ญี่ปุ่น ชื่อของ **อันริ โอคิตะ** (Anri Okita) ยังคงเป็นที่รู้จักและพูดถึงอยู่เสมอ สาวหน้าหวานที่ไม่เพียงแค่มีใบหน้าสวยงาม แต่ยังมี **หน้าอกหน้าใจไซซ์อลังการ** ที่กลายเป็นจุดขายสำคัญของเธอ หลังจากที่เธอได้ตัดสินใจลาออกจากวงการ AV ตั้งแต่ปี 2016 ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก แต่ความเซ็กซี่ของเธอนั้นไม่เคยลดลงเลย!

    ในปี 2018 อันริได้ต้อนรับบทบาทใหม่ในชีวิตเมื่อเธอกลายเป็นคุณแม่ของลูกคนแรก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เธอภูมิใจ หลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มขยายความสามารถของตัวเองไปสู่หลายๆ ด้าน โดยไม่ยอมให้ตัวเองหยุดอยู่กับที่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นหนัง, การออกผลงานเพลง, การทำช่องยูทูบ, และการเปิด OnlyFans รวมถึงการขาย NFT ที่แสดงถึงความสร้างสรรค์และความสามารถที่หลากหลายของเธอ

    แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในวงการ AV อีกต่อไป แต่ **อันริ โอคิตะ** ก็ยังคงเสิร์ฟความเซ็กซี่อย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเธอคืออาหารตาอาหารใจของหนุ่มๆ มาอย่างยาวนานถึงสิบปี และที่น่าทึ่งคือ แม้ว่าอายุของเธอจะใกล้ 40 ปี แต่ความแซ่บของเธอนั้นยังคงไฟลุกไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้แฟนๆ ยังคงติดตามและชื่นชอบเธออย่างต่อเนื่อง เพราะเธอพิสูจน์แล้วว่า **อายุเป็นเพียงตัวเลข** และความเซ็กซี่นั้นไม่มีวันหมดอายุ!

    สำหรับใครที่ยังคิดถึงความเซ็กซี่และเสน่ห์ของอันริ โอคิตะ บอกเลยว่าเธอจะยังคงอยู่ในใจแฟนๆ อย่างแน่นอน ด้วยความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่ง!

  • “ป๋อง กพล ขนทีมงานเดอะช็อค ทำโต๊ะจีนในสุสาน เผยเหตุผลสุดซึ้ง ‘ขอบคุณผี’ ที่ทุกคนต้องอ่าน!”

    **ป๋อง กพล ขนทีมเดอะช็อค เลี้ยงโต๊ะจีนผีในสุสาน ขอบคุณผีที่ทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์!**

    เมื่อคืนวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา บรรยากาศสุดพิเศษเกิดขึ้นที่สุสานมูลนิธิสว่างประทีปธรรมสถาน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อป๋อง-กพล ทองพลับ พิธีกรชื่อดังจากรายการเล่าเรื่องผี พร้อมด้วยทีมงานเดอะช็อคและแฟนรายการ ได้จัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนสำหรับผีถึง 60 โต๊ะ!

    แรงบันดาลใจในการจัดงานนี้เกิดจากความเชื่อที่ว่าผีคือผู้ที่ช่วยสนับสนุนและทำให้ป๋องและทีมงานประสบความสำเร็จในงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ โดยเฉพาะในค่ำคืนนี้ ทีมงานได้เลือกจัดโต๊ะจีนหน้าหลุมเหล่าโจ้ว (หลุมไร้ญาติที่ผ่านการล้างป่าช้าแล้ว) ซึ่งมีอาหารเลิศรสถึงโต๊ะละ 7 อย่าง พร้อมด้วยการฉายหนังกลางแปลงให้ผีได้ดูกันด้วย! ทั้งนี้มีการจัดหนังยาว 2 เรื่องและหนังสั้น 3 เรื่อง เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับบรรดาผีที่มาร่วมงาน

    สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเตรียมพื้นที่ด้วยการใช้ใบตองปูพื้นและโรยแป้ง เพื่อหวังว่าจะเห็นรอยเท้าของผีที่มาร่วมงานในคืนพิเศษนี้ ซึ่งถือเป็นประเพณีที่ทำกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยป๋องได้เผยว่า งานนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาเยือนสุสานแห่งนี้

    นอกจากนี้ ทีมงานเดอะช็อค ยังได้ร่วมมือกับเปิ้ล-นาคร ศิลาชัย และครอบครัว มอบโลงศพจำนวน 7 โลง พร้อมผ้าห่อศพให้กับสมาคมพุทธมามกสว่างประทีปธรรมสถาน ศรีราชา เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผีไร้ญาติ เพื่อให้พวกเขาได้รับส่วนบุญและได้ไปเกิดในภพภูมิใหม่

    งานเลี้ยงโต๊ะจีนผีในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงถึงความเชื่อและการเคารพต่อวิญญาณเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนรายการและการแสดงความกตัญญูต่อผู้ที่เคยช่วยเหลือเราในชีวิตอีกด้วย!

  • “เคล็ดลับสุขภาพดีจากยายวัย 100 ปี! 4 วิธีที่ทำให้ยังขับรถไปทำงานได้ทุกวัน”

    **ยายผู้แข็งแกร่ง! เคล็ดลับ 4 ข้อจากคุณยายมิเรียม ทอดด์ อายุ 100 ปี ที่ยังคงทำงานทุกวันในเมืองสแตนฟอร์ด รัฐนิวเจอร์ซีย์**

    ถ้าพูดถึงคนที่มีอายุยืนที่สุดในเมืองสแตนฟอร์ด รัฐนิวเจอร์ซีย์ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักคุณยายมิเรียม ทอดด์ วัย 100 ปี ที่ยังคงทำงานอย่างแข็งขันในร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ก่อตั้งโดยแม่ของเธอเมื่อปี 1929! ใช่แล้วฟังไม่ผิด คุณยายยังขับรถไปทำงานทุกวัน และทำงานเฉลี่ยถึง 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ร่วมกับทีมงานที่อายุน้อยกว่าเธอถึง 50-70 ปี!

    แต่คุณยายทอดด์ไม่ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีเพียงเพราะโชคดีเท่านั้น เธอมีเคล็ดลับการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ ซึ่งวันนี้เราจะมาเผยแพร่เคล็ดลับ 4 ข้อที่ทำให้คุณยายมีสุขภาพดีจนทุกคนต้องอึ้ง!

    **1. หลีกเลี่ยงอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ**
    คุณยายทอดด์เป็นคนที่เข้าใจเรื่องอาหารดีมาก! เธอหลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารจานด่วน และอาหารที่เก็บไว้นานหลายวัน รวมถึงไม่ดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่เลย! แทนที่จะเลือกอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ คุณยายจะเน้นการรับประทานผักและผลไม้สดๆ และบางครั้งก็จะหาช็อกโกแลตดำมาเติมความหวานให้ชีวิต ซึ่งถือว่าดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ!

    **2. ให้ความสำคัญกับอาหารสดและการทำอาหารเอง**
    คุณยายมิเรียมชอบไปตลาดสดและทำอาหารเอง โดยเฉพาะจากผักและผลไม้ที่ปลูกในสวนหลังบ้านของเธอ เช่น มะเขือเทศ พริกหวาน และแตงกวา เธอเลี่ยงอาหารแปรรูปทุกชนิด ยกเว้นกะหล่ำปลีดองที่เธอโปรดปราน!

    **3. มีทัศนคติเชิงบวกและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย**
    คุณยายเป็นคนอ่อนโยนและเข้ากับคนง่ายมาก! เธอมักแสดงความห่วงใยต่อเพื่อนบ้านและให้คำแนะนำดีๆ กับคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับการประหยัดเงินและการหลีกเลี่ยงหนี้สิน แน่นอนว่าวิธีการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันก็ช่วยให้คุณยายมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น!

    **4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ**
    การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของคุณยายทอดด์เลยทีเดียว! เธอชอบว่ายน้ำ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังทำให้ครอบครัวของเธอได้ใช้เวลาร่วมกันในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่บ้านอีกด้วย! “ฉันพยายามกินให้ถูกต้อง นอนให้พอ และใช้ชีวิตอย่างสมดุล” นี่คือคำแนะนำสุดท้ายจากคุณยายที่เราไม่ควรพลาด!

    เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดี! ขอให้คุณยายมิเรียม ทอดด์ มีสุขภาพดีตลอดไปนะคะ!

  • “กินเต้าหู้มากเกินไป เสี่ยงมะเร็งจริงหรือ? หมอชี้แจงและเปิดเผย 4 อาหารที่อาจเป็น ‘ตัวนำโรค’!”

    **ผู้เฒ่ากังวล! กินเต้าหู้เยอะเสี่ยงมะเร็งไหม? หมอเฉลยให้ชัด พร้อมเผย 4 อาหารที่เป็น “สหาย” มะเร็งตัวจริง!**

    เมื่อเร็วๆ นี้ เรื่องราวของผู้สูงอายุคนหนึ่งที่มีความกังวลเกี่ยวกับการกินเต้าหู้มากเกินไป กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง หลังจากที่เขาถามหมอลั่วในโรงพยาบาลมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ว่า “ปกติฉันกินเต้าหู้เยอะมาก ควรกังวลไหม?” หมอลั่วจึงได้ชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่าง โดยยืนยันว่า “เต้าหู้จริงๆ ไม่มีอะไรไม่ดีเลย!”

    เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า แม้จะมีความเชื่อที่ว่า “เซลล์มะเร็งชอบเต้าหู้” แต่จริงๆ แล้วเต้าหู้เป็นแหล่งโปรตีนและฟิโตเอสโตรเจนที่ดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ กระดูก และป้องกันการเสื่อมของวัย หากทานในปริมาณที่พอเหมาะนั่นเอง ผู้ป่วยจึงรู้สึกโล่งใจและถามต่อว่า “ฉันสามารถกินเต้าหู้ได้อย่างมั่นใจใช่ไหม?” หมอลั่วตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนครับ!”

    อย่างไรก็ตาม หมอลั่วได้เผยว่า แม้เต้าหู้จะไม่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง แต่ยังมีอาหารบางชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อสุขภาพที่ดี และลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ซึ่งมีดังนี้:

    1. **ข้าวเหลือจากมื้อก่อน**: การอุ่นข้าวเย็นที่อุณหภูมิสูงอาจทำให้เกิดสารที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหารได้

    2. **เนื้อและอาหารแปรรูป**: การทานเนื้อแปรรูปอย่างเบคอนและไส้กรอกเพียง 30 กรัมต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ถึง 15-38%

    3. **อาหารที่ทอด**: การทอดอาหารที่อุณหภูมิสูง สามารถสร้างสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น พอลีอะโรเมติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง

    4. **อาหารที่มีน้ำตาลสูง**: น้ำตาลขัดสีไม่เพียงแต่ทำให้เกิดโรคอ้วน แต่ยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ด้วย

    หมอลั่วจึงแนะนำให้เลือกทานผักและผลไม้สดมากขึ้น, ธัญพืชไม่ขัดสี, ลดไขมัน, หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด และควรตรวจสอบน้ำหนักตัวทุก 3 เดือนเพื่อการดูแลสุขภาพที่ดี

    และสำหรับหนุ่มโสดที่อาจใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง หมอเตือนว่า “ควรระวังให้ดี!” หลังจากมีเคสชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาและกลายเป็นคนพิการอย่างกะทันหัน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง

    หากคุณกำลังมองหาเครื่องดื่มดีๆ ที่จะช่วยให้ตับและระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี หมอจากอเมริการับรองว่าเครื่องดื่ม 3 ชนิดนี้ “ชอบ” ตับและระบบย่อยอาหารมาก! ทุกอย่างหาซื้อได้ง่ายในไทย อย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะ!

  • หัวข้อที่ปรับให้เข้ากับ SEO: “ส่วนที่มักถูกทิ้งของข้าวโพด: ของดีที่หลายคนไม่รู้! หมอบอกว่ามีประโยชน์เทียบเท่าโสม”

    **ข้าวโพด: ไหมข้าวโพด แหล่งคุณค่าที่หลายคนมองข้าม!**

    เคยสงสัยไหมว่ามีอะไรในฝักข้าวโพดที่เราอาจจะทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย? วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ “ไหมข้าวโพด” หรือเส้นใยที่อยู่บนฝักข้าวโพด ที่จริงแล้วมีคุณค่าทางโภชนาการไม่แพ้ “โสม” เลยนะ!

    ไหมข้าวโพดเป็นส่วนที่มักถูกมองข้าม แต่จริงๆ แล้วมันเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติหลากหลาย โดยเฉพาะในแพทย์แผนโบราณที่นำมาใช้รักษาโรคเกี่ยวกับตับและถุงน้ำดี เป็นที่รู้กันว่ามันอุดมไปด้วยวิตามิน A, K, B1, B2, B6, C, PP และฟลาโวนอยด์ ที่สำคัญยังมีสารซาโปนินและสเตียรอยด์ ซึ่งช่วยในเรื่องการบำรุงสุขภาพได้เป็นอย่างดี

    ดร.บุ่ย ถิ เอียน ญี จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์และเภสัชศาสตร์โฮจิมินห์ ได้เผยว่าไหมข้าวโพดมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยลดความร้อนในร่างกาย บำรุงตับ และรักษาอาการดีซ่าน บวมน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบและความดันโลหิตอีกด้วย!

    ในแพทย์พื้นบ้าน น้ำต้มไหมข้าวโพดมักถูกใช้เพื่อปรับสมดุลการทำงานของตับ โดยปกติจะนิยมผสมกับสมุนไพรอื่น ๆ เช่น หญ้าคา ดอกเก๊กฮวย และอ้อยแดง เพื่อเพิ่มความสดชื่นและสุขภาพดีขึ้น

    แต่ก่อนจะตื่นเต้นไป อย่าลืมข้อควรระวัง! น้ำไหมข้าวโพดไม่ควรใช้แทนน้ำดื่มประจำวัน เพราะอาจทำให้ขับปัสสาวะมากเกินไป และอาจเกิดความไม่สมดุลของน้ำและเกลือแร่ได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ หรือผู้ที่แพ้ละอองเกสรก็ควรระวังเช่นกัน

    หากคุณกำลังมองหาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อดูแลสุขภาพ หรือเริ่มต้นดูแลตับของคุณ ไหมข้าวโพดอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ! อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะลองใช้น้ำไหมข้าวโพด เพื่อความปลอดภัยและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

    เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายของเรา!

  • “พ่อแม่เศร้าใจ ลูกสาววัย 17 เสียชีวิตขณะเตรียมสอบ หลังอ่านหนังสือทุกคืน”

    **พ่อแม่ใจสลาย! ลูกสาววัย 17 ปี เสียชีวิตหลังอดนอนเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย**

    ข่าวเศร้าจากเมืองบาตูปาฮัต ประเทศมาเลเซีย เมื่อเด็กหญิงวัย 17 ปีที่ตั้งใจอ่านหนังสือสอบทุกคืน เพื่อทำคะแนนสูงและหวังจะได้รับทุนการศึกษา กลับต้องจบชีวิตลงอย่างไม่คาดคิด หลังจากนอนเพียงวันละ 4 ชั่วโมง และมีอาการปวดหัวรุนแรงจนมีเลือดออกในสมองในคืนก่อนวันสอบ

    ตามรายงานจาก MS News เด็กหญิงคนนี้ได้มีอาการชักและหมดสติ ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่แม้แพทย์จะพยายามยื้อชีวิตเธอไว้ เธอก็ได้จากไปในวันที่ 5 ธันวาคม โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมอง

    พ่อของเธอเปิดเผยว่า ลูกสาวเป็นคนขยันและตั้งใจเรียนมาก โดยเฉพาะในช่วงเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้จะมีอาการปวดหัวเป็นบางครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยแสดงอาการผิดปกติอื่น ๆ ให้เห็น แม่ของเธอกล่าวว่า ไม่เคยกดดันลูกในเรื่องการเรียน แต่ลูกสาวกลับต้องการทำให้ครอบครัวประหยัดเงิน จึงตั้งใจเรียนหนักเกินไป

    ข่าวการจากไปของเด็กหญิงทำให้ญาติ เพื่อน ครู และนักเรียนในโรงเรียนต่างรู้สึกเศร้าสลด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิธีอำลาจะจัดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ หลังการสอบสิ้นสุดลง

    ภาวะเลือดออกในสมองเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลัน โดยมีอาการที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว และอาจนำไปสู่การเป็นอัมพาต การสูญเสียการพูด หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิต ซึ่งในปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการอดนอนที่ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

    การอดนอนเป็นเวลานานส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์ประสาทที่อาจเกิดความเครียด และยังเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้ง่ายขึ้น แพทย์แนะนำว่าควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 10 ชั่วโมง โดย 80% ของการนอนควรจะเป็นในช่วงกลางคืน พร้อมแนะนำให้มีนิสัยการนอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

    ในขณะที่พ่อแม่และเพื่อน ๆ ของเด็กหญิงยังคงรู้สึกเศร้าใจต่อการสูญเสียที่ไม่คาดคิดนี้ เราหวังว่าข้อความนี้จะเป็นการเตือนใจให้กับวัยรุ่นทุกคนในการดูแลสุขภาพและให้ความสำคัญกับการนอนหลับ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต

  • “เปิดภาพสุดประทับใจ อาจารย์ใหญ่ ‘หมอกฤตไท’ อุทิศร่างเพื่อการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ แม้จากไปแต่ความดียังคงอยู่”

    **เปิดใจ “หมอกฤตไท” อาจารย์ใหญ่ผู้มอบร่างเพื่อการเรียนรู้!**

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพโครงกระดูกที่มีป้ายชื่อระบุว่า “อาจารย์ใหญ่ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล” ซึ่งถูกใช้ในการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยภาพนี้ถูกเผยแพร่โดยนายอรรถวิท ปัญญาภิญโญพล หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ครูพี่บาส” ติวเตอร์ชื่อดัง พร้อมข้อความที่เต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชมถึงความดีของอาจารย์ใหญ่ที่ได้จากไปแล้ว

    “น้องอาจารย์นพ.กฤตไท #สู้ดิวะ เป็นคนที่มีบุญมากๆ ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่เพียงแต่เป็นแพทย์ที่ช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นจากความทุกข์ แต่ยังเป็นครูที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาแพทย์อีกมากมาย แม้วันนี้ท่านจะจากไปแล้ว แต่ความดีของท่านยังคงอยู่ในใจของทุกคน”

    ความรักและการสนับสนุนจากครอบครัวยังคงเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้พวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ “คุณพ่อของน้องเป็นรุ่นพี่สวนกุหลาบ และคุณหมอเป็นรุ่นน้องสวนกุหลาบ ผมไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคุณพ่อจะต้องเผชิญกับความรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นลูกชายที่เขาเลี้ยงดูมาอย่างดีต้องมาจากไปในรูปแบบนี้”

    นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล ไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ยังเป็นบุคคลที่กล้าหาญในการแบ่งปันเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้ายของตนเองผ่านโซเชียลมีเดีย

    แม้จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความยากลำบาก แต่ “หมอกฤตไท” ก็ยังคงมองโลกในแง่ดี และเลือกที่จะใช้ชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น จนกระทั่งในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 เขาได้จากไปอย่างสงบ

    ในที่สุด ครอบครัวของเขาตัดสินใจบริจาคร่างของเขาเพื่อเป็น “อาจารย์ใหญ่” ในการเรียนการสอนของแพทย์ในอนาคต เพื่อให้ความรู้และประสบการณ์ของเขายังคงอยู่และช่วยเหลือนักศึกษาแพทย์ต่อไป

    “หมอกฤตไท” อาจจากไปแล้ว แต่ความดีของเขาจะยังคงอยู่ในใจของทุกคนตลอดไป! 🌟

  • หนุ่ม “เสียนิ้ว” หลังลองเล่นกับ “งูเขียวหางไหม้” คิดว่าไม่อันตราย แต่สุดท้ายต้องเสียใจตลอดชีวิต

    **หนุ่มโชคร้าย “เสียนิ้ว” หลังลองจับ “งูเขียวหางไหม้” เตือนภัยอย่าห้าวกับงู!**

    ในโลกโซเชียลมีเดียที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ล่าสุดมีเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวเน็ตตกใจไม่น้อย เมื่อหนุ่มคนหนึ่งโพสต์เตือนภัยในกลุ่มเฟซบุ๊ก “งูไทย…อะไรก็ได้” เล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาเสียใจไปทั้งชีวิต หลังจากที่เขาตัดสินใจลองจับงูเขียวหางไหม้ โดยคิดว่าหากโดนกัดก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องราวที่น่าสลดใจ!

    เจ้าของโพสต์เปิดเผยว่า “ช่วงนี้เห็นงูเขียวหางไหม้ในกลุ่มบ่อยมาก จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์นี้ให้เป็นอุทาหรณ์ หลังจากที่ผมเห็นงูเขียวหางไหม้ที่มาหลบอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน ผมก็ไม่รอช้าตัดสินใจจับมัน ทั้งที่รู้ดีว่ามันอาจจะกัด” เขาเล่าต่อ “ตอนนั้นผมคิดว่ามันกัดแล้วก็แค่ปวดบวม คงหายได้ แต่ไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวนี้มีพิษที่ร้ายแรงมาก”

    เมื่อเขาจับงูไปที่คอ มันก็หันกลับมาและกัดนิ้วของเขาอย่างรวดเร็ว เขาเล่าว่า “ผมตั้งใจว่าจะจับไปปล่อยในป่า แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นเหตุการณ์เลวร้าย” หลังจากนั้นเขาก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลถึง 13 วัน โดยในวันแรกที่เข้ารักษา หมอได้ฉีดเซรุ่มให้ และในคืนแรกเขาต้องตื่นขึ้นมาเจาะเลือดตลอดทั้งคืน ซึ่งเขาได้เห็นนิ้วของตัวเองเปลี่ยนเป็นสีดำในวันถัดมา

    “วันที่สองผมต้องเข้าห้องผ่าตัด และใช้เวลาทำแผลอีก 10 วันก่อนจะกลับบ้าน แต่ต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาลทุกวันจนกว่าแผลจะหาย ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 1 ปี 3 เดือน ผมแค่อยากเตือนทุกคนว่าอย่าใจถึงเกินไปกับงู” เขากล่าวด้วยความเสียใจ

    โพสต์นี้ได้สร้างความสนใจให้กับสมาชิกในกลุ่มเป็นจำนวนมาก หลายคนเข้ามาคอมเมนต์ว่าเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนราคาแพงและขอบคุณเจ้าของโพสต์ที่แชร์เรื่องราวนี้เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับคนอื่น ๆ

    **รู้จัก “งูเขียวหางไหม้”**

    งูเขียวหางไหม้เป็นงูที่อยู่ในสกุล Trimeresurus ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ หัวใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม คอลีบ และลำตัวอ้วนสั้น โดยปลายหางมีสีแดงสดหรือแดงคล้ำ ทำให้ได้ชื่อว่า “หางไหม้” หากโดนกัด ผู้ที่ถูกกัดจะรู้สึกปวดทันทีและบวมอย่างรวดเร็วใน 3-4 วันแรก ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อพบเห็นงูชนิดนี้

    สุดท้ายนี้ เราขอให้ทุกคนระมัดระวังและอย่าห้าวกับงู เพราะสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้!

  • “เปิดชีวิตล่าสุด ‘อิ๋ว เสาวลักษณ์’ อดีตนักร้องเร่ร่อน: จากความรุ่งโรจน์สู่ความท้าทาย เมื่อญาติทำให้กลับสู่สภาพเดิม”

    ### เปิดชีวิตล่าสุด “อิ๋ว เสาวลักษณ์” อดีตนักร้องเร่ร่อน กลับมาสู่เส้นทางดนตรีอีกครั้ง

    หลังจากที่เป็นกระแสโด่งดังในโลกโซเชียลเมื่อกลางปีที่ผ่านมา วันนี้เรามาอัปเดตชีวิตล่าสุดของ “อิ๋ว เสาวลักษณ์” อดีตนักร้องที่เคยมีชื่อเสียงในวงการเพลงลูกทุ่ง แต่ต้องเผชิญกับโชคชะตาที่พลิกผันจนกลายเป็นหญิงเร่ร่อน

    ย้อนกลับไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 67 คลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ TikTok ได้ทำให้ผู้คนตกหลุมรักในเสียงร้องอันไพเราะของอิ๋ว แม้จะมีสภาพร่างกายที่ผอมโซและแต่งกายมอมแมม แต่เมื่อเธอเริ่มร้องเพลง ผู้ชมต่างตะลึงในความสามารถที่ไม่ธรรมดา สร้างความประทับใจและนำไปสู่การแชร์คลิปกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์

    อิ๋ว หรือในชื่อในวงการ “เอ สะเลเต” เคยเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในพื้นที่อำเภอสีคิ้วและจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงเคยเข้าร่วมรายการประกวดร้องเพลงชื่อดัง “ไมค์ทองคำ” แต่ด้วยความยากลำบากทางเศรษฐกิจและสภาวะชีวิตที่เปลี่ยนไป เธอจึงต้องหายไปจากวงการเพลงและกลายเป็นหญิงเร่ร่อน

    หลังจากที่คลิปของเธอได้รับความสนใจ แสนรัก เมืองโคราช ครูเพลงชื่อดังและศิลปินนักร้องในพื้นที่กว่า 30 คน ได้ร่วมกันจัดคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อช่วยฟื้นฟูชีวิตของอิ๋ว อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของอิ๋วในซอยเทพประทาน พบว่าเธอกลับเข้าสู่สภาพชีวิตเดิมอีกครั้ง

    อิ๋วเปิดใจว่า สาเหตุที่เธอกลับมาอยู่ในสภาพนี้เพราะถูกญาติห่าง ๆ หลอกให้เชื่อว่าจะดูแลเธอในช่วงทำงานร่วมกับครูเพลง แต่กลับเอาเงินที่เธอหามาได้ไปใช้ส่วนตัวและพาเธอไปทิ้งในหมู่บ้านห่างไกล พอออกมาได้ เธอมีเงินติดตัวเพียง 300 บาทเท่านั้น

    “ฉันเคยถูกหลอกแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง” อิ๋วเล่า พร้อมยืนยันว่าเธอไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ทีมงานและแฟนเพลงต่างให้การสนับสนุนเธออย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพจิตใจของเธอดีขึ้นมาก

    ตอนนี้อิ๋วมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจในการกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากศิลปินชื่อดัง “หญิงลี” ที่มอบเวทีและเครื่องเสียงในการทำงานในอนาคต

    “อยากขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ยังคิดถึงหนูอยู่ ตอนนี้หนูพร้อมเริ่มต้นใหม่อีกครั้งแล้วค่ะ” อิ๋วกล่าวด้วยความมุ่งมั่น

    เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความหวังและการต่อสู้ของชีวิต แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการสนับสนุนจากคนรอบข้าง อิ๋วก็กำลังจะกลับมาสู่วงการเพลงที่เธอรักอีกครั้ง!

  • “ฆ่าโหดหมอคลินิกชื่อดัง! พบศพหลังหายไป 3 วัน แฟนหนุ่มหนีไปฮ่องกง”

    **ฆ่าโหดหมอเจ้าของคลินิกดัง! พบศพ 3 วัน หนีไปฮ่องกงแล้ว!**

    (6 ธ.ค. 67) เรื่องราวสุดช็อกเกิดขึ้นที่เชียงใหม่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุพบศพของคุณหมอแซมมี่ เจ้าของคลินิกเวชกรรมชื่อดังในต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะสิ้นชีพในสภาพที่น่าสลดเช่นนี้

    เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 67 ที่ผ่านมา โดยพี่สาวของผู้ตายเป็นผู้พบศพของคุณหมอแซมมี่อยู่บนชั้น 3 ของคลินิก มันเป็นภาพที่น่าสยดสยอง เมื่อเจ้าหน้าที่พบว่าเธอถูกฆ่ารัดคอและเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน!

    การตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือแฟนหนุ่มชาวโมร็อกโกของเธอ ซึ่งมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย เริ่มจากคืนที่เกิดเหตุ แฟนหนุ่มได้เดินทางออกจากอาคารที่เกิดเหตุในเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 5 ธันวาคม โดยขับรถโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีดำ ของผู้ตายออกไป พร้อมกับนำโทรศัพท์ไอโฟน 2 เครื่องของเธอติดตัวไปด้วย

    หลังจากนั้น ผู้ต้องสงสัยได้จอดรถทิ้งไว้ที่ถนนคูเมืองด้านใน และเรียกรถตุ๊กตุ๊กไปยังสนามบินเชียงใหม่ ก่อนจะขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศฮ่องกงในเวลา 06.00 น. ของวันเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งติดตามตัวเขาอย่างเร่งด่วน

    สถานการณ์นี้สร้างความตกใจให้กับชาวเชียงใหม่และวงการแพทย์อย่างมาก หลายคนยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวและการรักษา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะไม่หยุดนิ่งและทำทุกวิถีทางเพื่อตามล่าผู้ต้องสงสัยให้ได้โดยเร็วที่สุด

    หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ได้ทันที สังคมหวังว่าจะมีความยุติธรรมเกิดขึ้นในคดีนี้!